พอดีกำลังเล็งๆ AP ไม่ก็ PP ที่ไม่ใช่รุ่นพิมพ์นิยมอยู่ ทีนี้มีโอกาสไปต่างประเทศบ่อย เลยคิดว่าไปซื้อเอาที่นั่นดีกว่าทีอยากถามคือ ผมอยากเสียภาษีให้มันถูกต้องอ่ะครับ มันจะราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะติดต่อสรรพากร เขาบอกว่า"5% จากราคาใน invoice รวม 7% และค่าประกัน ขนส่ง CIF" อะไรก็ไม่รู้เพียบ พอติดต่อ Fedex ก็บอกว่า"ภาษีรวมค่าบริการราว 30%" สรุปว่ามันเท่่าไหร่กันแน่ครับ? เพราะถ้าแค่ 5%+7% ผมว่าไปซื้อถึงโน่นน่าจะคุ้มกว่าเพราะมีให้เลือกเยอะกว่า

ขอบคุณครับ

ภาษีนำเข้า 5% (ค่านาฬิกา+ค่าส่ง+ประกัน)+ VAT 7 % (ค่าภาษีขำเข้า+ค่านาฬิกา+ค่าส่ง+ประกัน) รวมง่ายๆคือประมาณ 13% ครับ คูณกับค่านาฬิการวมค่าส่งได้เลยครับ บอกกับค่าเคลียร์ของนิดหน่อย 500-1500 บาท แต่ว่าถ้าราคาสินค้าสูงต้องส่งเอกสารให้กับบริษัทขนส่งเพื่อขึ้นทะเบียนผู้นำเข้า ลองถามบริษัทขนส่งก่อนน่ะครับรายละเอียด เพราะบางเจ้าให้เราไปขึ้นทะเบียนเอง บางเจ้ายื่นเอกสารผ่านบริษัทขนส่งทำให้ได้ เลือกบริษัทที่ยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนแทนเราได้จะสะดวกสุดครับ..........ตอนโทรถามก็ถามว่าถ้าสินค้าหลักแสนหรือล้าน ทางขนส่งสามารถยื่นขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าแทนได้หรือไม่ หรือต้องไปยื่นเอง

พอดีกำลังเล็งๆ AP ไม่ก็ PP ที่ไม่ใช่รุ่นพิมพ์นิยมอยู่ ทีนี้มีโอกาสไปต่างประเทศบ่อย เลยคิดว่าไปซื้อเอาที่นั่นดีกว่าทีอยากถามคือ ผมอยากเสียภาษีให้มันถูกต้องอ่ะครับ มันจะราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะติดต่อสรรพากร เขาบอกว่า"5% จากราคาใน invoice รวม 7% และค่าประกัน ขนส่ง CIF" อะไรก็ไม่รู้เพียบ พอติดต่อ Fedex ก็บอกว่า"ภาษีรวมค่าบริการราว 30%" สรุปว่ามันเท่่าไหร่กันแน่ครับ? เพราะถ้าแค่ 5%+7% ผมว่าไปซื้อถึงโน่นน่าจะคุ้มกว่าเพราะมีให้เลือกเยอะกว่า

ขอบคุณครับ

ซื้อที่ต่างประเทศเองและถือกลับมาเองก็ 5% + 7% แล้วจบแล้วครับ ไม่เหมือนกรณีสั่งซื้อแล้วให้ส่งมาประเทศไทยครับ

Quote from: Aiba500 on July 19, 2019, 08:52:41 am

พอดีกำลังเล็งๆ AP ไม่ก็ PP ที่ไม่ใช่รุ่นพิมพ์นิยมอยู่ ทีนี้มีโอกาสไปต่างประเทศบ่อย เลยคิดว่าไปซื้อเอาที่นั่นดีกว่าทีอยากถามคือ ผมอยากเสียภาษีให้มันถูกต้องอ่ะครับ มันจะราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะติดต่อสรรพากร เขาบอกว่า"5% จากราคาใน invoice รวม 7% และค่าประกัน ขนส่ง CIF" อะไรก็ไม่รู้เพียบ พอติดต่อ Fedex ก็บอกว่า"ภาษีรวมค่าบริการราว 30%" สรุปว่ามันเท่่าไหร่กันแน่ครับ? เพราะถ้าแค่ 5%+7% ผมว่าไปซื้อถึงโน่นน่าจะคุ้มกว่าเพราะมีให้เลือกเยอะกว่า

ขอบคุณครับ

ซื้อที่ต่างประเทศเองและถือกลับมาเองก็ 5% + 7% แล้วจบแล้วครับ ไม่เหมือนกรณีสั่งซื้อแล้วให้ส่งมาประเทศไทยครับ

[/size][/color]

เมื่อกี้ลองอ่านดู ถ้าสินค้าติดตัวมาเกิน 200,000 บาท ต้องทำใบขนสินค้าที่ชั้น 2 ของสนามบิน .....ไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้มันยุ่งยากนานมั้ยนะครับ


http://www.customs.go.th/list_strc_simple_neted.php?lang=th&ini_content=individual_160503_03_160905_01&&left_menu=menu_individual_submenu_01_160421_01#individual_160503_03_160905_01_160905_01

ตอนทำ VAT REFUND ที่นู้น และนำนาฬิกากลับมาด้วย อย่าลืมนำใบเสร็จ เอกสารต่างๆ พร้อมนาฬิกาและใบประกัน ติดตัวตอนขึ้นเครื่องนะครับ อย่าโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ไม่งั้นไม่ได้คืน VAT ที่นั่นนะครับ เพราะต้องโชวร์เอกสารและนาฬิกา กับศุลการตอนออกนอกปรเทศที่นั่น

ถ้าทำใบขนจะยุ่งยากมากต้องมี Shipping ช่วย ลำพังทำเองโดยไม่มีประสบการณ์ จะเสียเวลามาก


ถ้าจะทำแบบนี้ซื้อในไทยจะถูกกว่าแถมไม่ยุ่งยากด้วย แบบก็ดูจากweb หรือไปดูที่ร้านเมืองนอกก็ได้

เมื่อกี้ลองอ่านดู ถ้าสินค้าติดตัวมาเกิน 200,000 บาท ต้องทำใบขนสินค้าที่ชั้น 2 ของสนามบิน .....ไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้มันยุ่งยากนานมั้ยนะครับ


http://www.customs.go.th/list_strc_simple_neted.php?lang=th&ini_content=individual_160503_03_160905_01&&left_menu=menu_individual_submenu_01_160421_01#individual_160503_03_160905_01_160905_01

ถ้าทำใบขนจะยุ่งยากมากต้องมี Shipping ช่วย ลำพังทำเองโดยไม่มีประสบการณ์ จะเสียเวลามาก


ถ้าจะทำแบบนี้ซื้อในไทยจะถูกกว่าแถมไม่ยุ่งยากด้วย แบบก็ดูจากweb หรือไปดูที่ร้านเมืองนอกก็ได้

Quote from: mooaqua on July 19, 2019, 10:06:01 am

เมื่อกี้ลองอ่านดู ถ้าสินค้าติดตัวมาเกิน 200,000 บาท ต้องทำใบขนสินค้าที่ชั้น 2 ของสนามบิน .....ไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้มันยุ่งยากนานมั้ยนะครับ


http://www.customs.go.th/list_strc_simple_neted.php?lang=th&ini_content=individual_160503_03_160905_01&&left_menu=menu_individual_submenu_01_160421_01#individual_160503_03_160905_01_160905_01

สอบถามครับ ทำไมทำใบขนถึงถูกกว่าครับ มันมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเหรอครับ? เพราะตอนโทรถามสรรพากรเขาบอกเข้าช่องแดงแล้วจ่ายภาษีอย่างเดียวเลย

Quote from: Blue Klein on July 19, 2019, 04:35:59 pm

ถ้าทำใบขนจะยุ่งยากมากต้องมี Shipping ช่วย ลำพังทำเองโดยไม่มีประสบการณ์ จะเสียเวลามาก


ถ้าจะทำแบบนี้ซื้อในไทยจะถูกกว่าแถมไม่ยุ่งยากด้วย แบบก็ดูจากweb หรือไปดูที่ร้านเมืองนอกก็ได้

Quote from: mooaqua on July 19, 2019, 10:06:01 am

เมื่อกี้ลองอ่านดู ถ้าสินค้าติดตัวมาเกิน 200,000 บาท ต้องทำใบขนสินค้าที่ชั้น 2 ของสนามบิน .....ไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้มันยุ่งยากนานมั้ยนะครับ


http://www.customs.go.th/list_strc_simple_neted.php?lang=th&ini_content=individual_160503_03_160905_01&&left_menu=menu_individual_submenu_01_160421_01#individual_160503_03_160905_01_160905_01

สอบถามครับ ทำไมทำใบขนถึงถูกกว่าครับ มันมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเหรอครับ? เพราะตอนโทรถามสรรพากรเขาบอกเข้าช่องแดงแล้วจ่ายภาษีอย่างเดียวเลย

จัดทำใบขนโดยตัวแทน ไม่ได้ถูกกว่าน่ะครับ มีค่าใช้จ่ายในการเคลียร์สินค้า ที่พี่ข้างบนบอกถูกกว่า หมายถึง ซื้อในไทยอาจจะถูกกว่า ไม่เสียเวลาที่สนามบิน เพราะ ของมีมูลค่าไม่เกิน 2 แสนบาทครับ ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถประเมิณภาษีได้เลย แต่ถ้าเกิน 2 แสน ต้องไปติดต่ออีกแผนกหนึ่งของศุลกากรภายในสนามบิน เพื่อทำการเคลียร์สินค้าขาเข้าเหมือนกระบวนการนำเข้าปกติครับ ต้องจ้างบริษัทตัวแทนนำเข้าสินค้า (มีให้บริการในสนามบิน)จัดทำใบขนสินค้า เพื่อดำเนินการตามระเบียบนำเข้าครับแต่กระบวนการนี้จะใช้เวลาพอสมควรครับกว่าจะเสร็จสิ้น เพราะต้องเดินไปหาตัวแทนทำให้และยื่นต่อศุลกากรเพื่อประเมิณภาษีอีกทีหนึ่ง............ดังนั้นถ้าให้ร้านที่ต่างประเทศส่งของมาให้แล้วเคลียร์ของ จะได้ไม่ต้องไปทำเองและเสียเวลารอที่สนามบิน ก็อาจน่าจะดีกว่า หรือไม่ลองเทียบราคากับตัวแทนภายในประเทศไทยดูก่อนแบบพี่ๆข้างบนว่า อาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไร โดยเฉพาะบางแบรนด์บางรุ่น

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าถ้าของเกิน 200,000 บาทจะต้องมีกระบวนการเพิ่มเติมที่ว่า ที่ผ่านมาผมก็นึกว่าเข้าช่องแดงแล้วก็จ่ายแล้วจบตรงนั้น

ตอนนี้พยายามหาอะไรอ่านเพิ่มเติม พบประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 ซึ่งไม่รู้ว่ายังล่าสุดอยู่หรือเปล่านะครับ ความตอนหนึ่งของข้อ 2.2 ระบุว่า "(2) เป็นของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompanied Baggage) ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองแสนบาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่าสองแสนบาทและนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรผู้ควบคุมกำกับดูแลการเก็บอากรปากระวางเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้จัดเก็บอากรปากระวางได้"

ถ้าอ่านเท่านี้ คือ เราก็ไม่ต้องไปทำใบที่อีกแผนกที่ว่าหรือเปล่าครับ

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าถ้าของเกิน 200,000 บาทจะต้องมีกระบวนการเพิ่มเติมที่ว่า ที่ผ่านมาผมก็นึกว่าเข้าช่องแดงแล้วก็จ่ายแล้วจบตรงนั้น

ตอนนี้พยายามหาอะไรอ่านเพิ่มเติม พบประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 ซึ่งไม่รู้ว่ายังล่าสุดอยู่หรือเปล่านะครับ ความตอนหนึ่งของข้อ 2.2 ระบุว่า "(2) เป็นของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompanied Baggage) ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองแสนบาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่าสองแสนบาทและนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรผู้ควบคุมกำกับดูแลการเก็บอากรปากระวางเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้จัดเก็บอากรปากระวางได้"

ถ้าอ่านเท่านี้ คือ เราก็ไม่ต้องไปทำใบที่อีกแผนกที่ว่าหรือเปล่าครับ

ลองๆอ่านประกาศที่พี่รักดีบอก ก็น่าจะสะดวกน่ะครับ จะได้ไม่ต้องไปทำใบขนที่อีกแผนกหนึ่ง ถ้าแบบนี้จริงอย่าเผลอซื้อสินค้าอื่นมาด้วยน่ะครับ เด๋วเกิน 1 ชิ้น ต้องไปทำใบขนอีก

Quote from: ruckdee on July 21, 2019, 11:00:43 am

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าถ้าของเกิน 200,000 บาทจะต้องมีกระบวนการเพิ่มเติมที่ว่า ที่ผ่านมาผมก็นึกว่าเข้าช่องแดงแล้วก็จ่ายแล้วจบตรงนั้น

ตอนนี้พยายามหาอะไรอ่านเพิ่มเติม พบประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 ซึ่งไม่รู้ว่ายังล่าสุดอยู่หรือเปล่านะครับ ความตอนหนึ่งของข้อ 2.2 ระบุว่า "(2) เป็นของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompanied Baggage) ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองแสนบาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่าสองแสนบาทและนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรผู้ควบคุมกำกับดูแลการเก็บอากรปากระวางเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้จัดเก็บอากรปากระวางได้"

ถ้าอ่านเท่านี้ คือ เราก็ไม่ต้องไปทำใบที่อีกแผนกที่ว่าหรือเปล่าครับ

ลองๆอ่านประกาศที่พี่รักดีบอก ก็น่าจะสะดวกน่ะครับ จะได้ไม่ต้องไปทำใบขนที่อีกแผนกหนึ่ง ถ้าแบบนี้จริงอย่าเผลอซื้อสินค้าอื่นมาด้วยน่ะครับ เด๋วเกิน 1 ชิ้น ต้องไปทำใบขนอีก

ผมว่ามันเอาแน่เอานอนไม่ได้น่ะครับ เพราะเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนวิธีปฏิบัติได้ เอาเป็นว่าเราในฐานะนักเดินทางและผู้เสียภาษีก็ดูเป็นรายครั้งไปแล้วกันครับ

คำว่าของชิ้นเดียวในที่นี้ก็ไม่รู้ว่าตีความยังไงอีก เช่น มีนาฬิการุ่น A สองเรือนย่อมไม่เข้าข่ายความสะดวกที่ว่านี้ เพราะมีสองชิ้น แต่หากมีนาฬิการุ่น A หนึ่งเรือน มีกระเป๋ารุ่น B หนึ่งใบ ถือว่าโอเคตามประกาศข้อนี้หรือไม่ เพราะมีของสองอย่าง แต่ละอย่างมีหนึ่งชิ้น 555555

Quote from: mooaqua on July 21, 2019, 01:03:00 pm

Quote from: ruckdee on July 21, 2019, 11:00:43 am

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าถ้าของเกิน 200,000 บาทจะต้องมีกระบวนการเพิ่มเติมที่ว่า ที่ผ่านมาผมก็นึกว่าเข้าช่องแดงแล้วก็จ่ายแล้วจบตรงนั้น

ตอนนี้พยายามหาอะไรอ่านเพิ่มเติม พบประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 ซึ่งไม่รู้ว่ายังล่าสุดอยู่หรือเปล่านะครับ ความตอนหนึ่งของข้อ 2.2 ระบุว่า "(2) เป็นของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompanied Baggage) ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองแสนบาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่าสองแสนบาทและนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรผู้ควบคุมกำกับดูแลการเก็บอากรปากระวางเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้จัดเก็บอากรปากระวางได้"

ถ้าอ่านเท่านี้ คือ เราก็ไม่ต้องไปทำใบที่อีกแผนกที่ว่าหรือเปล่าครับ

ลองๆอ่านประกาศที่พี่รักดีบอก ก็น่าจะสะดวกน่ะครับ จะได้ไม่ต้องไปทำใบขนที่อีกแผนกหนึ่ง ถ้าแบบนี้จริงอย่าเผลอซื้อสินค้าอื่นมาด้วยน่ะครับ เด๋วเกิน 1 ชิ้น ต้องไปทำใบขนอีก

ผมว่ามันเอาแน่เอานอนไม่ได้น่ะครับ เพราะเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนวิธีปฏิบัติได้ เอาเป็นว่าเราในฐานะนักเดินทางและผู้เสียภาษีก็ดูเป็นรายครั้งไปแล้วกันครับ

คำว่าของชิ้นเดียวในที่นี้ก็ไม่รู้ว่าตีความยังไงอีก เช่น มีนาฬิการุ่น A สองเรือนย่อมไม่เข้าข่ายความสะดวกที่ว่านี้ เพราะมีสองชิ้น แต่หากมีนาฬิการุ่น A หนึ่งเรือน มีกระเป๋ารุ่น B หนึ่งใบ ถือว่าโอเคตามประกาศข้อนี้หรือไม่ เพราะมีของสองอย่าง แต่ละอย่างมีหนึ่งชิ้น 555555

นั่นสิครับ ต้องรบกวนพี่รักดี ทดลอง อิอิ

ถ้าเป็นนาฬิกามือสอง ใส่ติดตัวกลับมา เเละพกใบประกันไว้กับตัว
ให้ส่งกล่องกับคู่มือตามมาทีหลัง แบบนี้ต้องเสียภาษีหรือเลี่ยงๆได้มั้ยครับ

ถ้าเป็นนาฬิกามือสอง ใส่ติดตัวกลับมา เเละพกใบประกันไว้กับตัว
ให้ส่งกล่องกับคู่มือตามมาทีหลัง แบบนี้ต้องเสียภาษีหรือเลี่ยงๆได้มั้ยครับ

อา อันนี้อยากรู้เหมือนกันครับ เพราะเข้าดูในเว็บมีแต่ของแจ่มๆทั้งนั้น